ผู้ร้องเรียนมีบ้านพักอาศัยอยู่บนที่ดินซึ่งไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ จึงได้ยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างทางข้ามทางน้ำสาธารณะ ที่อยู่ติดกับบ้านของผู้ร้องเรียนเพื่อใช้เป็นทางเข้า - ออก ต่อหน่วยงาน ของรัฐ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ของจังหวัด และได้รับหนังสือตอบกลับว่า การก่อสร้างดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำ จึงดำเนินการก่อสร้างทางข้ามทางน้ำสาธารณะดังกล่าวแบบวางท่อถมดิน จนแล้วเสร็จ ต่อมาเทศบาลตำบลแจ้งว่า พื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลตำบล และมีคำสั่งให้รื้อถอน ผู้ร้องเรียนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองและศาลได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่ง ของเทศบาลตำบลที่สั่งให้รื้อถอนทางข้ามทางน้ำสาธารณะที่ผู้ร้องเรียนได้ก่อสร้างไปแล้ว ต่อมาผู้ร้องเรียนจึงได้ยื่นเอกสารเพื่อขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องต่อเทศบาลตำบล แต่ได้รับแจ้งว่าเอกสารยังไม่ถูกต้องครบถ้วน ซึ่งผู้ร้องเรียนไม่สามารถจัดหาเอกสารดังกล่าวได้ เนื่องจากการก่อสร้างทางข้ามทางน้ำสาธารณะได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงไม่สามารถดำเนินการออกเอกสารย้อนหลังให้ได้ ทำให้ผู้ร้องเรียนได้รับความเดือดร้อน จึงได้ส่งเรื่องร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงดังกล่าว
จากการแสวงหาข้อเท็จจริงของผู้ตรวจการแผ่นดินมีผลปรากฏว่า ผู้ร้องเรียนมิได้มีเจตนา ที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และภายหลังจากที่ศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ผู้ร้องเรียน รื้อถอนทางข้ามทางน้ำสาธารณะตามคำร้องเรียน ผู้ร้องเรียนได้พยายามดำเนินการยื่นเอกสารต่อเทศบาลตำบลเพื่อแจ้งก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แต่ขาดเอกสาร คือ ความเห็นประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งภายหลังจากการประสานงานของผู้ตรวจการแผ่นดินปรากฏว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีหนังสือให้ความเห็นว่า การก่อสร้างดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อแผนพัฒนาจังหวัด ผังเมือง และการรักษาสภาพแวดล้อมของจังหวัด และไม่ขัดข้องหากจังหวัดจะพิจารณาอนุญาตให้ปลูกสร้างสิ่งล่วงล้ำลำน้ำดังกล่าว อีกทั้งภายหลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ลงพื้นที่และประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับเทศบาลตำบลผู้ถูกร้องเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ประสานขอให้ผู้ร้องเรียนยื่นแจ้งก่อสร้าง ตามมาตรา 39 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ใหม่อีกครั้ง และดำเนินการออกหนังสือรับรองการก่อสร้างทางข้ามทางน้ำสาธารณะดังกล่าวให้เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันทางน้ำสาธารณะดังกล่าว ประชาชนมิได้ใช้เพื่อสัญจรแล้ว แต่ใช้เป็นเพียงทางระบายน้ำเท่านั้น อีกทั้งทางข้ามทางน้ำสาธารณะที่ผู้ร้องเรียนก่อสร้างนั้น เป็นการก่อสร้างในลักษณะการใส่ท่อลอด ทำให้น้ำในทางน้ำสาธารณะสามารถไหลได้ตามปกติ มิได้ทำให้ความเป็นสาธารณประโยชน์นั้นเสื่อมถอยลงไป ไม่กระทบต่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันของราษฎร ประกอบกับการก่อสร้างทางข้ามลำน้ำสาธารณะดังกล่าว โดยเอกชนรายอื่นหรือแม้กระทั่งโดยหน่วยงานผู้ถูกร้องเรียนเองก็มิได้มีการดำเนินการตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่อย่างใด ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติตามหนังสือกรมที่ดิน ด่วนที่สุด ที่ มท 0511.3/ว 29466 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2558 เรื่อง ซักซ้อมความเข้าใจการดำเนินโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และเพื่อให้การดำเนินการพิจารณาอนุญาตก่อสร้างทางข้าม ลำน้ำสาธารณะในพื้นที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานผู้ถูกร้องเรียนเป็นไปในแนวทางเดียวกัน มิให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และป้องกันมิให้เกิดเรื่องร้องเรียนในทำนองนี้อีก ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงมีข้อเสนอแนะให้จังหวัดกำชับให้อำเภอและหน่วยงานผู้ถูกร้องเรียนยึดถือแนวทางปฏิบัติในการพิจารณาอนุญาตกรณีตาม คำร้องเรียนนี้เพื่อใช้กับกรณีอื่นที่มีข้อเท็จจริงลักษณะเดียวกันอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป