ที่ดินของผู้ร้องเรียนได้รับความเสียหายจากการปล่อยน้ำจากเขื่อนของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 13 เมื่อปี พ.ศ. 2562 ซึ่งผู้ร้องเรียนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อของสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดกลางที่ 13 และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ในเพื่อขอให้หน่วยงานของรัฐเร่งรัดดำเนินการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งหรือมาตรการอื่นใดในการป้องกันการกัดเซาะตลิ่งจากน้ำที่ปล่อยออกจากเขื่อน แต่ไม่มีผลความคืบหน้า จึงได้ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้เชิญหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ประชุมเพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน โดยผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือแจ้งให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตามมติที่ประชุม ดังนี้
- การแก้ปัญหาระยะสั้น กรมชลประทานควรพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาริมตลิ่งพังทลายโดยการพิจารณาจัดสรรงบประมาณปี พ.ศ. 2565 หรือปี พ.ศ. 2566 โดยขอให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินติดตามผลการเสนอของบประมาณดังกล่าว หรือกรมชลประทานควรประสานกับจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ของแผนงบประมาณด้านยุทธศาสตร์จังหวัด
- การสำรวจจุดเสี่ยงลำน้ำที่เกิดปัญหาการกัดเซาะริมตลิ่งพังทลาย ซึ่งมีความยาว 140 กิโลเมตร กรมชลประทานควรประกาศเป็นทางน้ำชลประทาน เพื่อจัดเข้าแผนงานโครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 -2568
- การป้องกันแก้ไขเยียวยาเชิงระบบ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (จังหวัดกาญจนบุรี) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณามาตรการการเยียวยาตามระเบียบ กฎหมาย ให้มีความรวดเร็วขึ้น โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการ ปฏิทิน / ตารางการดำเนินการ ระบบการเยียวยา กลุ่มผู้ที่สามารถได้รับการเยียวยา และกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับการเยียวยา ช่องทางการขอรับ การสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนมีประการใด ระยะเวลาการได้รับการเยียวยาเป็นอย่างไร เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับลำน้ำอื่น ๆ ทั่วประเทศ ให้มีแนวปฏิบัติเช่นเดียวกัน หรือหากพบข้อขัดข้องประการใด ขอให้แจ้งผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อพิจารณาเสนอแก้ไข ซึ่งเป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่สามารถช่วยผลักดันในการแก้ไขระเบียบ หรือลดขั้นตอนให้เหมาะสมได้
- ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า พื้นที่ที่มี ความเสี่ยงจากน้ำกัดเซาะริมตลิ่งพัง ให้หลีกเลี่ยงการสร้างบ้านเรือน รวมถึงการขอความร่วมมือในการป้องกันในเบื้องต้น
ต่อมากรมชลประทานได้รายงานผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมว่าได้ดำเนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- การแก้ไขระยะสั้น กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการปรับปรุงและ เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ อาคารทดน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดำเนินการในปี พ.ศ. 2566
- เกี่ยวกับการดำเนินการสำรวจจุดเสี่ยงของลำน้ำตลอดความยาว 140 กิโลเมตร นั้น กรมชลประทานอยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่จุดเสี่ยงของลำน้ำเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาตามภารกิจของ กรมชลประทาน หากมีความพร้อมทุกด้าน จะจัดเข้าแผนการดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
- กรณีการป้องกันแก้ไขเยียวยาเชิงระบบ นั้น กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำพร้อมอาคารประกอบ อาคารทดน้ำหมู่บ้าน ของผู้ร้องเรียน ดำเนินการในปี พ.ศ. 2566 - 2570 ส่วนเรื่องการเยียวยาเนื่องจากผู้ร้องเรียนได้มี การฟ้องร้องค่าเสียหายไปยังศาลปกครอง และอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ซึ่งต้องรอการพิจารณาให้เสร็จสิ้นแล้วจึงดำเนินการตามคำสั่งศาลต่อไป และได้รายงานความคืบหน้าให้แก่ผู้ร้องเรียนทราบแล้ว
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหน้าที่ในการบูรณาการกับหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการปล่อยน้ำจากเขื่อน จนเป็นเหตุให้ที่ดินของประชาชนถูกน้ำกัดเซาะพังทลายเป็นบริเวณกว้าง จนสามารถทำให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการจัดทำแผนโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะสั้น และการแก้ไขเยียวยาเชิงระบบ พร้อมทั้งได้หนังสือแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นรูปธรรม