นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดทำโครงงานกลุ่มในหัวข้อ "ลบประวัติ ล้างความผิด คืนชีวิตให้ผู้ถูกกล่าวหา” โดยศึกษาระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยประมวลระเบียบการตำรวจไม่เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 32 การพิมพ์ลายนิ้วมือ พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว มีความเห็นว่า ระเบียบดังกล่าวกำหนดให้นำข้อมูลและลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหามาจัดเก็บลงในฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรไว้ก่อน แม้ต่อมาพนักงานอัยการจะมีคำสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่ได้นำเอารายชื่อของผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นออกจากทะเบียนประวัติอาชญากรโดยอัตโนมัติ แต่ผู้ต้องหาหรือจำเลยจะต้องมา ยื่นคำร้องต่อกองทะเบียนประวัติอาชญากรเพื่อคัดชื่อออกเอง ซึ่งเป็นการสร้างภาระความเดือดร้อนแก่ประชาชน มากเกินสมควรแก่เหตุ ดังนั้น จึงร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังผู้ตรวจการแผ่นดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้วเห็นว่าระเบียบดังกล่าวเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรม และกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนผู้มีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากร จึงมีคำวินิจฉัยเสนอแนะต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงระเบียบดังกล่าวต่อไป
ต่อมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาปรับปรุงแนวทางปฏิบัติการจัดทำทะเบียนประวัติอาชญากร พร้อมนำข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินไปใช้ในการปรับปรุงแก้ไขระเบียบดังกล่าว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินยังได้มีผลการวินิจฉัยเรื่องนี้ต่อสำนักงานกิจการยุติธรรมในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบงานเลขานุการของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำร่างพระราชบัญญัติประวัติอาชญากรรม เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ ฉบับดังกล่าว