ผู้ร้องเรียนเป็นพี่เลี้ยงเด็กพิการได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่หน่วยงานการศึกษาพื้นที่จังหวัดสงขลาไม่ชำระเงินค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของพี่เลี้ยงเด็กพิการจำนวน 70 ราย ในช่วงเดือนตุลาคม ถึง พฤศจิกายน 2561 ทำให้ผู้ร้องเรียนและพี่เลี้ยงเด็กพิการได้รับความเดือดร้อน
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วปรากฏว่า หน่วยงานการศึกษาที่ ถูกร้องเรียนได้ออกคำสั่งจ้างและจัดทำสัญญาจ้างลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพิการโดยเริ่มจ้างตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 สิ้นสุดสัญญาจ้างวันที่ 30 กันยายน 2561 ต่อมาหน่วยงานที่ถูกร้องเรียนทราบว่าได้รับการจัดสรรอัตราลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จำนวน 62 อัตรา ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จำนวน 10 อัตรา ทำให้ต้องมีการชะลอการจ้างไว้ก่อนและดำเนินการสอบคัดเลือกพี่เลี้ยงเด็กพิการใหม่ ซึ่งกระบวนการคัดเลือกแล้วเสร็จและออกคำสั่งจ้างตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 สิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 30 เมษายน 2562 ดังนั้น ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 จึงไม่ได้จัดจ้างลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพิการ และไม่สามารถเบิกจ่ายเงินงบประมาณเพื่อชำระเงินค่าตอบแทนให้แก่พี่เลี้ยงเด็กพิการได้
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงปรากฏว่าในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 พี่เลี้ยงเด็กพิการได้มีการปฏิบัติงานจริง และยังปรากฏข้อเท็จจริงจากเอกสารหลักฐานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การดำเนินการแจ้งปรับลดอัตราพี่เลี้ยงเด็กพิการ และการขอให้ชะลอการจ้างไว้ก่อนนั้น มีความล่าช้า โดยเป็นการแจ้งภายหลังการสิ้นสุดสัญญาจ้างแล้ว สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้เชิญหน่วยงานผู้ถูกร้องเรียนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่เลี้ยงเด็กพิการ ซึ่งในการประชุมดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า โดยปกติของการจ้างลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็กพิการจะมีการอนุมัติเงินประจำงวดย้อนหลังและทำสัญญาจ้างต่อเนื่อง มาตลอดหลายปีแล้ว แต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 มีการปรับลดอัตรากำลังโดยไม่ทราบล่วงหน้า
ดังนั้น เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาแล้วเห็นว่า โดยทั่วไปหากไม่มีการบอกกล่าวด้วยวาจาหรือเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่มีการต่อสัญญาจ้างลูกจ้างชั่วคราวก็ย่อมเข้าใจว่ายังคงต้องปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม ดังนั้น พี่เลี้ยงเด็กพิการย่อมจะคาดหมายว่าจะมีการทำสัญญาจ้างต่อเนื่องและจะได้รับเงินค่าจ้างย้อนหลัง ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้มีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานการศึกษาผู้ถูกร้องเรียนและหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องให้พิจารณาขออนุมัติงบประมาณเพื่อเบิกจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการชดเชยเยียวยาให้แก่พี่เลี้ยงเด็กพิการทั้ง 70 ราย ในอัตราเดียวกับเงินค่าตอบแทนตามสิทธิในสัญญาจ้างเดิม รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 882,590.67 บาท (แปดแสนแปดหมื่นสองพันห้าร้อยเก้าสิบบาทหกสิบเจ็ดสตางค์) ซึ่งต่อมาหน่วยงานการศึกษาดังกล่าวได้รับการจัดสรรงบประมาณ และได้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้แก่พี่เลี้ยงเด็กพิการทั้ง 70 ราย เรียบร้อยแล้ว