ผู้ร้องเรียนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนว่า ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังเข้าควบคุมตัวที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และนำตัวไปยังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจข่มขู่บังคับให้ผู้ร้องเรียนเป็นสายลับเพื่อจับกุมผู้ค้ายาเสพติด เนื่องจากทราบว่าผู้ร้องเรียนเพิ่งได้รับการพักการลงโทษในคดียาเสพติด ออกมาจากเรือนจำได้ไม่นาน แต่ผู้ร้องเรียนปฏิเสธ จึงถูกดำเนินคดีในความผิดฐานครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 127 เม็ด พร้อมกับเงินสด จำนวน 16,000 บาท ทั้งที่ผู้ร้องเรียนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้บังคับให้ผู้ร้องเรียนลงนามในบันทึกการจับกุมว่า เหตุเกิดบริเวริมถนนบายพาสหลักกิโลเมตรที่ 2 ตำบลป่ามะม่วง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก ซึ่งไม่เป็นความจริงเช่นกัน
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง บันทึกปากคำผู้เกี่ยวข้อง และตรวจสอบเอกสารหลักฐาน เพื่อเสนอข้อมูลให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย ต่อมาศาลจังหวัดตากมีหมายเรียกพยานบุคคลและพยานเอกสารจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 10 ปี 6 เดือน และปรับ 600,000 บาท แต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง โดยพิจารณาจากคำเบิกความของจำเลยและพยานบุคคล รวมทั้งพยานเอกสารในสำนวนคดี ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำให้การของจำเลยและพยานบุคคล (ที่เห็นเหตุการณ์บริเวณหน้าโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ที่ให้การต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินกับข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบมาสอดคล้องกัน สำหรับคำให้การของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมในส่วนของแผนที่เกิดเหตุที่ให้ไว้ และนำชี้จุดที่เจ้าพนักงานตำรวจอ้างว่าเป็นจุดที่สายลับล่อซื้อยาเสพติดกับจำเลย (หลักกิโลเมตรที่ 2 ถนนบายพาส) ที่ให้ไว้ต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินกับที่ให้ไว้ต่อพนักงานสอบสวนนั้นมีความแตกต่างกันมาก จึงเป็นข้อพิรุธสงสัยว่าที่เจ้าพนักงานตำรวจเบิกความว่ามีการวางแผนล่อซื้อและจับกุมจำเลยนั้นเป็นความจริงหรือไม่ อีกทั้งพยานบุคคลที่มีชื่อเกี่ยวข้องในบันทึกการจับกุมกล่าวถึงข้อเท็จจริงตามบันทึกการจับกุมแตกต่างกัน ทำให้ข้อเท็จจริงตามบันทึกการจับกุมไม่มีน้ำหนักมั่นคงให้เชื่อถือรับฟังตามข้อเท็จจริงดังกล่าว พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีข้อพิรุธไม่อาจรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยตามบันทึกการจับกุม ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยและพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้องนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยศาลจังหวัดตากอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2557 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ 264/2558 คู่ความไม่ฎีกา คดีถึงที่สุดแล้ว โดยเรือนจำกลางตากได้ดำเนินการปล่อยตัวผู้ร้องเรียนแล้ว ทำให้เห็นได้ว่าความยุติธรรมในประเทศไทยนี่ยังมีอยู่จริง