สารเคมีกำจัดศัตรูพืชเป็นปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่เกษตรกรนิยมใช้เนื่องจาก ความสะดวกสบายจึงมีการใช้สารเคมีอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารเคมีกำจัดวัชพืชพาราควอต (paraquat) เนื่องจากราคาถูกและเป็นสารเคมีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดวัชพืช จากรายงานและบทความวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่าสารเคมีกำจัดวัชพืชพาราควอตเป็นพิษต่อคน สัตว์ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อมูลทางการแพทย์รายงานว่าเกษตรกรที่ได้ผสมสารเคมีพาราควอตเพื่อใช้ในการเกษตร
เกิดอาการผิวหนัง อักเสบ ตาอักเสบ ภาวะหายใจลำบาก อาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมถึงความผิดปกติบริเวณปอดและตับ การตรวจพบสารเคมีพาราควอตในซีรั่มมารดาและสายสะดือทารก นำไปสู่ปัญหาทางสุขภาพของประชาชน
ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงได้ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการ แผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยหยิบยกประเด็นปัญหาการควบคุมวัตถุอันตรายพาราควอตที่ใช้ในการเกษตร ซึ่งภาคประชาชนได้มีการผลักดันและเรียกร้องให้รัฐพิจารณายกเลิก การใช้และการนำเข้ามาอย่างต่อเนื่องขึ้นพิจารณาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องหน้าที่ของรัฐ และเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหรือการปฏิบัติงานในทิศทางที่จะช่วยเสริมสร้างความเป็นธรรมทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชน เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการปฏิบัติงานใด ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ การควบคุมวัตถุอันตรายไม่ว่าจะเป็นการให้ความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายหรือการปฏิบัติหน้าที่ ของกรมวิชาการเกษตรในการควบคุมย่อมต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการกำหนดนโยบายยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายพาราควอต ในระดับประเทศจึงเป็นวิธีควบคุมที่เหมาะสมกว่าวิธีอื่นในการบรรเทาหรือขจัดภาวะคุกคามทางสุขภาพ จากพิษของวัตถุอันตรายพาราควอตที่จะสร้างภาระแก่ประชาชน จึงได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ (๑) (๒) ประกอบมาตรา ๓๒ มาตรา ๓๓ และมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ มีข้อเสนอแนะไปยังกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรมและคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อดำเนินการ